นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงมาอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะในปีนี้ได้ยกระดับสู่การดำเนินการเชิงรุกทั่วประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ จนถึงสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ในตลาดทั่วไป
“จุดยืนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชัดเจนว่าห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงทุกขั้นตอนการผลิต ทั้งเพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชน และสร้างความมั่นใจในสินค้าเกษตรไทยในเวทีการค้าโลก” นายสัตวแพทย์สมชวนกล่าว
ล่าสุดกรมปศุสัตว์มอบหมายให้นายสัตวแพทย์ยุทธนา โสภี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ พร้อมชุดเฉพาะกิจของกรม ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานปศุสัตว์เขต 1 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดปทุมธานี กองสารวัตรและกักกัน สำนักงานตรวจสอบคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ บูรณาการร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสารเร่งเนื้อแดง ณ อาคารตลาดเนื้อสัตว์ ตลาดไท ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จากการตรวจสอบไม่พบเนื้อสัตว์ที่มีการปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง โดยกรมจะขยายผลการตรวจสอบในพื้นที่อื่นทั่วประเทศต่อไปอย่างต่อเนื่อง
นายสัตวแพทย์ยุทธนา โสภี อธิบายว่า สารเร่งเนื้อแดงที่พบว่ามีการลักลอบใช้อย่างผิดกฎหมาย ได้แก่ ซาลบูทามอล (Salbutamol) แรคโทพามีน (Ractopamine) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมัน ทำให้เนื้อมีสีแดงสด ชั้นไขมันบาง เป็นที่ต้องการของตลาด แต่หากสารเหล่านี้ตกค้างในผลิตภัณฑ์และผู้บริโภคได้รับเข้าสู่ร่างกาย จะก่อให้เกิดอาการ เช่น ใจสั่น มือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างหญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยโรคหัวใจ
การใช้สารเร่งเนื้อแดงมีความผิดตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2559 กำหนดให้สารเร่งเนื้อแดงเป็นวัตถุต้องห้าม หากฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 71 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังผิดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ. 2546 เรื่องมาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ หากตรวจพบถือว่าอาหารนั้นผิดมาตรฐานตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25 (3) มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมปศุสัตว์